วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Red Wars 2014


      

ศึกวันแดงเดือด!"แมนฯยู"หักปีก"หงส์แดง" 3-0

        ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดแดงเดือด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล อริตลอดกาล ครึ่งแรกเป็นเจ้าถิ่นที่ทำได้ดีกว่า และออกนำไปก่อนถึง 2-0 จากประตูของ เวย์น รูนีย์ นาทีที่ 12 และจวน มาตา นาทีที่ 40
      
       เข้าสู่ครึ่งหลังลิเวอร์พูล ออกตัวดี และมีโอกาสลุ้นประตูหลายครั้ง แต่ซัดไปติดมือ ดาวิด เด เคอา เสียหมด กระทั่งนาทีที่ 71 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็หนีไปเป็น 3-0 จากการแปเน้นๆ ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี จากนั้นไม่มีใครทำอะไรกันได้อีกจบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่ม ลิเวอร์พูล 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 31 คะแนนจาก 16 นัดอยู่ที่ 3 ส่วน ลิเวอร์พูล มี 21 คะแนนจากการลงเล่นเท่ากัน.


''ศึกแดงเดือด'' ตำนานคู่ปรับวงการลูกหนังเมืองผู้ดี




     เมื่อพูดถึงคู่ปรับในวงการฟุตบอลแล้ว ส่วนใหญ่จะนึกถึงเกมดาร์บี้แมตช์ ระหว่างทีมร่วมเมือง อย่างไรก็ตามสำหรับวงการกีฬาเมืองผู้ดีแล้ว ไม่มีเกมใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการพบกันระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีเรื่องเล่าขานกันอย่างไม่รู้จบ 

        สำหรับวงการฟุตบอลอังกฤษแล้ว สองชื่อเรียกที่จะถูกพูดถึงหนีไม่พ้น แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล และจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการแย่งแชมป์หรือการทำอันดับไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรป, การปะทะคารมระหว่างผู้จัดการของทั้งสองทีม, การปฏิเสธที่จะจับมือกันของผู้เล่นในสนาม และการร้องเพลงแซวกันระหว่างแฟนบอลเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเป็นคู่ปรับได้เป็นอย่างดี
 
        อย่างไรก็ตามนอกจากความเกลียดชังแล้ว สิ่งหนึ่งที่ยากจะปฏิเสธคือทั้งสองทีมขาดกันไม่ได้ โดยในยุค 1980 ที่ลิเวอร์พูลครองความยิ่งใหญ่ในเมืองผู้ดีนั้น แฟนบอลแมนฯ ยูไนเต็ด จะเฝ้ารอเกมที่พวกเขาจะได้พบกับ "หงส์แดง " ปีละสองครั้ง และเชื่อว่า บรรดาเดอะ ค็อป ในตอนนี้ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
 
        แน่นอนว่าการแข่งขันทุกอย่างสิ่งที่จะเป็นตัวชูโรง และเรียกร้องความสนใจจากแฟนๆ ได้ดีที่สุดคือ ทุกทีมต้องการคู่ปรับ มันทำให้พวกเขารู้สึกดีเวลาที่ทีมชนะ และต้องการที่จะข่มอีกฝ่าย โดย โทนี่ วิลสัน แฟนบอลลิเวอร์พูลรายหนึ่ง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
 
        "เราทั้งสองทีมคล้ายกันมาก แมนเชสเตอร์ อาจจะเป็นหัวใจของ นอร์ท เวสต์ แต่ ลิเวอร์พูล คือปอด ตอนที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกว่าจะเขี่ยลิเวอร์พูลตกบัลลังก์ผมไม่ได้สนใจเท่าใดนัก"
 
        "ผมไม่คิดว่า ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ในช่วง 20 ปีล่าสุด และเราคงจะไม่ประสบความสำเร็จในยุค 1970 ถึง 1980 มากเท่านี้ หากว่าไม่มีทีมคู่แข่งเป็นแรงกระตุ้น"
 
        ฤดูกาลนี้ทั้งสองทีมอาจจะไม่ใช่ทีมที่ได้ลุ้นแชมป์อย่างจริงจัง หรือผลการแข่งขันอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในตารางมากมาย แต่มันก็จะทำให้ชีวิตของแฟนบอลของแต่ละทีมมีความสุขมากที่สุดในฤดูกาลนี้ หากว่าผลการแข่งขันออกมาอย่างที่พวกเขาต้องการ ขณะเดียวกัน พอล อินซ์ ที่เป็นแค่หนึ่งในสามคน นับตั้งแต่ปี 1960 นอกจาก ปีเตอร์ เบียดสลี่ย์ และ ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ลงเล่นให้กับทั้งสองทีม หลังจากอินซ์ที่ประสบความสำเร็จกับแมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับลิเวอร์พูลในช่วงท้ายๆ ของอาชีพการค้าแข้ง โด ยอินซ์ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับทั้งสองทีมว่า
 
        "ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จอย่างมากมายด้วยความเป็นมืออาชีพ และการทำงานหนัก อย่างไรก็ตามทีมของพวกเขามักจะตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของซูเปอร์สตาร์ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด"
 
        "ขณะที่เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล เป็นคู่ปรับกันในแบบที่เป็นมิตรมากกว่า เนื่องจากแฟนบอลของทั้งสองทีมมาจากครอบครัวเดียวกัน และไม่มีการแบ่งแยกอาณาเขตอย่างชัดเจน"
 
        ทางด้านแฟนบอลของแมนฯ ยูฯ ก็ไม่ได้คิดว่า แมนฯ ซิตี้ เป็นคู่ปรับ เนื่องจาก "เรือใบสีฟ้า" ประสบความสำเร็จน้อยกว่ามาก และไม่ใช่ทีมที่จะมาแย่งแชมป์กับพวกเขาในเวลานั้น ทำให้แฟนบอลของ "หงส์แดง" และ "ผีแดง" พุ่งเป้าไปที่กันและกันมากกว่า แต่บางครั้งความเป็นคู่ปรับก็เลยเถิด

ป้ายแซวหรือเหยียดหยามกันแบบนี้มีให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับแฟนบอลของแมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล 
        "เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ปี 1985 ที่กูดิสัน พาร์ค เป็นจุดที่ตกต่ำที่สุด เมื่อแฟนบอลของทั้งสองทีมล้อเลียนโศกนาฏกรรมของแต่ละฝ่าย โดยหลังจากที่เกิดเหตุที่เฮย์เซล สเตเดี้ยม ทำให้แฟนบอลยูไนเต็ดมีเรื่องที่จะล้อเลียน หลังจากที่ก่อนหน้านี้พวกเขาโดนแฟนบอลลิเวอร์พูลพูดถึงเรื่องเครื่องบินตกที่มิวนิค"

 ลิเวอร์พูล ยังเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษทีมหนึ่ง รวมทั้งคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ไปถึง 5 สมัย โดยล่าสุดทำได้ในปี 2005
        ความสำเร็จของแมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุด 20 และ 18 ครั้งตามลำดับ เป็นสิ่งที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ นอกจากนั้น "หงส์แดง" ยังได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ไปอีก 5 สมัย ขณะที่ "ผีแดง" ได้ไป 3 สมัย โดย ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ภายใต้การคุมทีมของ ราฟา เบนิเตซ 1 สมัย ส่วนยูไนเต็ดได้แชมป์ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 2 สมัย

 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นมายิ่งใหญ่เทียมหน้าเทียมตาคู่ปรับอย่างลิเวอร์พูล
        การเป็นคู่ปรับระหว่างทั้งสองทีมช่วยให้ฟุตบอลอังกฤษได้รับความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลก และชื่อของทั้งสองสโมสรคือตราสินค้าจากเมืองผู้ดีที่สามารถขายไปได้ทั่วโลก แม้ว่า 23 ฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกทั้งสองทีมอาจจะไม่ได้ผูกขาดความสำเร็จมากเท่าเดิม แต่ทั้งสองทีมก็ยังเหนือกว่าทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์ลีกมากมายในเรื่องของแฟนบอล
 
        "ศึกแดงเดือด" ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษ จริงหรือไม่ ?

1. ความสำเร็จ
        ตัวเลขเป็นสิ่งที่โกหกกันไม่ได้ โดยในรอบ 70 ปีล่าสุด แมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล ครองความยิ่งใหญ่ในเกาะอังกฤษ โดย "ผีแดง" ได้แชมป์ลีก 20 สมัย, แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย และแชมป์บอลถ้วยรายการอื่นๆ 15 สมัย ส่วน "หงส์แดง" ได้แชมป์ลีก 18 สมัย, แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 5 สมัย และแชมป์บอลถ้วยรายการอื่นๆ 18 สมัย
 
        ขณะที่ทีมอันดับสามที่ตามมาคือ อาร์เซน่อล ได้แชมป์ลีก 8 สมัย และ แชมป์บอลถ้วยรายการอื่นๆ 13 สมัย, เชลซี ได้แชมป์ลีก 4 สมัย, แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย และแชมป์บอลถ้วยรายการอื่นๆ 14 สมัย โดยมี สเปอร์ส เป็นอันดับห้า ได้แชมป์ลีก 2 สมัย และแชมป์บอลถ้วยรายการอื่นๆ 12 สมัย ส่วน แมนฯ ซิตี้ ได้แค่แชมป์ลีก 2 สมัย และแชมป์บอลถ้วยรายการอื่นๆ 7 สมัย
การที่มหาเศรษฐีอย่าง โรมัน อบราโมวิช (คนชูถ้วย) เจ้าของทีมเชลซี เข้ามาซื้อทีมใน อังกฤษ ทำให้ความยิ่งใหญ่ของแมนฯ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล เริ่มถูกท้าทายมากขึ้น

2. ฐานะการเงิน
        แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีรายได้มากที่สุดในอังกฤษ โดยในปี 2014 พวกเขามีรายได้เกือบ 350 ล้านปอนด์ ซึ่งต้องขอบคุณบรรดาสปอนเซอร์ อย่างไรก็ตามแมนฯ ซิตี้ และเชลซี ขยับขึ้นมาเป็นอันดับสองและสาม ซึ่งต้องขอบคุณประธานสโมสรระดับมหาเศรษฐีของพวกเขา ส่วน อาร์เซน่อล เป็นอันดับสี่ โดยมีรายได้หลักจากสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม และการเข้ารอบน็อกเอาต์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างต่อเนื่อง ส่วน ลิเวอร์พูล ตกลงไปเป็นอันดับที่ 5 มีรายได้ไม่ถึง 200 ล้านปอนด์
  
3. มูลค่านักเตะในทีม
        แมนฯ ยูไนเต็ด มีนักเตะในทีมที่มีมูลค่ารวมกันมากกว่า 400 ล้านปอนด์ มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยมี แมนฯ ซิตี้, เชลซี และอาร์เซน่อล ตามมาติดๆ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ตกลงไปเป็นอันดับห้าอีกครั้ง โดยมีนักเตะทั้งทีมมีมูลค่ารวมกันไม่ถึง 300 ล้านปอนด์
แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีมูลค่านักเตะรวมกันมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก และ อังเคล ดิ มาเรีย (กลาง) ก็เป็นนักเตะที่แพงที่สุดด้วย

4.  แฟนบอล
        ว่ากันว่า ลิเวอร์พูล มีแฟนบอลทั่วโลก 580 ล้านคน เป็นรองแค่ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อ้างว่าพวกเขามีแฟนบอลทั่วโลก 659 ล้านคน อย่างไรก็ตามหากจะนับหลักฐานที่จับต้องได้ "ผีแดง" ยังเป็นเบอร์หนึ่งของอังกฤษ เมื่อดูจากยอดไลค์ในเฟซบุ๊ก ขณะที่ "หงส์แดง" ตกลงไปเป็นอันดับ 4

สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ "ศึกแดงเดือด"
        สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูล เชื่อว่าเกมแดงเดือดเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่แค่ในอังกฤษแต่เป็นทั่วโลก
 
        "สำหรับผมมันเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกและทั่วโลก เนื่องจากเป็นการพบกันระหว่างสองทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ผมไม่ได้มีอคติเวลาที่ผมพูดแบบนี้ บางทีเกมระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า อาจจะใกล้เคียง"
สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูล ยังเชื่อว่าเกมแดงเดือดกับแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
 
        แน่นอนว่า เจอร์ราร์ด ไม่เคยลงเล่นในเกมระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า หรือ โบคา จูเนียร์ส กับ ริเวอร์ เพลท หรือแม้แต่แฟนบอลของ เชสเตอร์ กับ เร็กซ์แฮม อาจจะคิดว่าเกมของพวกเขาสำคัญกว่า แต่เรื่องแบบนี้บางทีอาจจะวัดกันไม่ได้ ดังนั้นแฟนบอลทุกคนต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่า "ศึกแดงเดือด" ยิ่งใหญ่จริงๆ หรือไม่ ในสายตาของพวกเขา
"โกลเด้นโจ"

สถิติพบกันระหว่างทั้งสองทีม  
  แมนฯ ยูฯ ชนะเสมอลิเวอร์พูล ชนะ
ลีก  634455
เอฟเอ คัพ 944
ลีก คัพ 203
รายการอื่นๆ 132
รวม 7551
64

เทียบความสำเร็จระหว่างทั้งสองทีม 
แมนฯ ยูไนเต็ด    ลิเวอร์พูล 
20 ลีกสูงสุด  18
3 ยูโรเปี้ยน คัพ  5
1 คัพ วินเนอร์ คัพ 0
0 ยูฟ่า คัพ 3
11 เอฟเอ คัพ 7
4 ลีก คัพ  8
20 คอมมิวนิตี้ ชิลด์  15
1 ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 3
1 อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ 0
1 สโมสรโลก 0
62 รวม 59





 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น