- เกิดเมื่อ 11 สิงหาคม 2516 (อายุ 41), เทศบาลนครขอนแก่น
- ส่วนสูง 1.72 ม.
- เข้าวงการเมื่อ พ.ศ. 2532
- ลาจากวงการ พ.ศ. 2549
- ปัจจุบัน คุมทีมชาติไทย (โค้ช)
ประวัติ
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ชื่อเล่น: โก้) เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2516 ที่อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี[2] เป็นบุตรคนเล็ก จากทั้งหมดสามคน ของสุริยา (บิดา) และริสม (มารดา)[3][4] มีพี่สาวสองคน[5] แต่ภายหลังราวปี พ.ศ. 2525 เขาตามบิดามารดาย้ายภูมิลำเนา ไปยังอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น[6]
เกียรติศักดิ์เริ่มศึกษาที่โรงเรียนบ้านหนองแดง อำเภอกุมภวาปี จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จากนั้นจึงย้ายมาศึกษาต่อชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนน้ำพองศึกษา อำเภอน้ำพองจังหวัดขอนแก่น จนสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 6 จึงย้ายเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพมหานคร ในระดับอนุปริญญา สาขาการบัญชี ที่โรงเรียนพาณิชยการกรุงเทพ และจบการศึกษาคณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ปัจจุบันศึกษาต่อระดับปริญญาโท หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการกีฬา บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม[1]
ผู้เล่น[แก้]
เกียรติศักดิ์เริ่มแข่งขันฟุตบอล ระดับประเทศครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน ไปแข่งขันที่มาเลเซีย และต่อมาในปี พ.ศ. 2536 ก็ขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 24 และตามด้วยการแข่งขันฟุตบอลเมอร์ไลออนคัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ เขายิงประตูแรกได้ ขณะเล่นร่วมกับ ทีมชาติไทยชุดบี เมื่อวันที่ 9 กันยายน ซึ่งทำให้ชนะทีมชาติโปแลนด์ 1 ประตูต่อ 0 และประตูสุดท้าย ในทีมชาติไทยชุดใหญ่ โดยเป็นประตูที่ 100 ของเขากับทีมชาติไทย (หากนับเฉพาะนัดที่พบกับทีมชาติ จะอยู่ที่ 85 ประตู) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ขณะแข่งขันคิงส์คัพครั้งที่ 37 ซึ่งชนะสิงคโปร์ 2 ประตูต่อ 0
นอกจากนี้ เกียรติศักดิ์ยังอยู่ในทีมชาติไทย ชุดที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 17, 18 และ 19 และชุดที่เป็นอันดับ 4 การแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาเอเชียนเกมส์สองสมัยติดต่อกันคือ ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2541 ซึ่งเกียรติศักดิ์ยิงประตูขึ้นนำทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อนที่ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล จะทำประตูโกลเดนโกล ให้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย และครั้งที่ 14 ประจำปี พ.ศ. 2545 และสามารถทำแฮตทริก ขณะเล่นให้ทีมชาติไทยมาแล้ว 4 ครั้งคือ ฟุตบอลชายกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 20 นัดทีมชาติไทยชนะฟิลิปปินส์ 9 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2542, นัดกระชับมิตร ทีมชาติไทยชนะทีมชาติคูเวต 5 ประตูต่อ 4 เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2544, ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ทีมชาติไทยชนะปากีสถาน 6 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 และ ไทเกอร์คัพ 2002 รอบแบ่งกลุ่มนัดแรก (กลุ่มบี) ทีมชาติไทยชนะทีมชาติลาว 5 ประตูต่อ 0 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2545
อนึ่ง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) บันทึกว่าเกียรติศักดิ์ เป็นผู้ทำประตูสูงสุด ให้แก่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่ 70 ประตู จากการลงเล่น 131 นัด[10] โดยนัดสุดท้ายที่เกียรติศักดิ์ ลงเล่นกับทีมชาติไทยชุดใหญ่ คือนัดที่พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ เมื่อเกียรติศักดิ์สามารถยิงประตูได้ จะแสดงความดีใจด้วยการกระโดดตีลังกา กระทั่งสื่อมวลชนสายกีฬา ตั้งฉายาให้ว่าเป็น จอมตีลังกา
ผู้ฝึกสอน
เมื่อปี พ.ศ. 2545 ขณะยังเป็นผู้เล่น เกียรติศักดิ์ริเริ่มก่อตั้งโครงการ ซิโก้ทิปส์ สัญจร เพื่อเปิดทำการฝึกสอนฟุตบอล แก่เยาวชนทั่วประเทศ ควบคู่กับผลิตรายการ ฝึกสอนทักษะฟุตบอลทางโทรทัศน์ โดยใช้ชื่อเดียวกันว่า ซิโก้ทิปส์ จนถึงปีถัดมา (พ.ศ. 2546)[1] ต่อมาเขาผ่านการอบรม ผู้ฝึกสอนระดับบี (B Licence) ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2549 และเริ่มเป็นผู้ฝึกสอนครั้งแรกในปีเดียวกัน โดยรับตำแหน่งผู้จัดการทีม สโมสรฟุตบอลฮหว่างอัญซาลาย (ฮอง อันห์ ยาลาย) ซึ่งร่วมแข่งขันอยู่กับวี-ลีกของเวียดนาม ขณะที่เขายังเป็นผู้เล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ด้วย
เมื่อเกียรติศักดิ์ ประกาศยุติอาชีพนักฟุตบอล ในปลายปี พ.ศ. 2550 เขาผลิตวิดีโอซีดีและหนังสือ ซึ่งถอดความจากรายการซิโก้ทิปส์ โดยในปีเดียวกัน ยังเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ สถาบันฝึกสอนฟุตบอลของกรุงเทพมหานคร[1] และรับหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ของสโมสรฟุตบอลจุฬาฯ-สินธนา ซึ่งเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาร่วมแข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2551 ซึ่งสโมสรดังกล่าวจบฤดูกาลในอันดับที่ 8 จากนั้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 เกียรติศักดิ์ย้ายไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลชลบุรีในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก 2552 ซึ่งจบฤดูกาลด้วยการเป็นอันดับที่ 2 ของลีก และสามารถเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของรายการเอเอฟซีคัพ ทว่าเมื่อจบฤดูกาลนั้น เขาก็ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถนำสโมสรชนะเลิศในลีก
หลังจากนั้น เกียรติศักดิ์กลับไปรับหน้าที่ผู้จัดการทีม ให้กับสโมสรฮหว่างอัญซาลาย อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยอยู่ในอันดับที่ 7 ของวี-ลีก เมื่อจบฤดูกาลดังกล่าว ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 เขากลับมาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลบีบีซียู ซึ่งร่วมแข่งขันอยู่ในไทยลีกดิวิชั่น 1 ซึ่งจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 3 สโมสรจึงสามารถเลื่อนชั้น ขึ้นไปแข่งขันในไทยพรีเมียร์ลีก[11] ทว่าในไทยพรีเมียร์ลีก 2555 บีบีซียูชนะเพียงนัดเดียว จากสิบนัดแรกของฤดูกาล เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 เกียรติศักดิ์จึงประกาศลาออก แล้วเข้ารับงานหัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับสโมสรฟุตบอลบางกอก เอฟซีในไทยลีกดิวิชั่น 1 ซึ่งขณะนั้นอยู่ในอันดับท้ายๆ ของตารางคะแนน แต่เขาสามารถพาทีมจบฤดูกาลในอันดับที่ 10 ของลีก สโมสรจึงรอดพ้นจากการตกชั้น
ต่อมาราวต้นปี พ.ศ. 2556 สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่งตั้งให้เกียรติศักดิ์ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนที่จะนำทีมชุดดังกล่าว ลงแข่งขันกระชับมิตรกับทีมชาติจีน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน[12] โดยทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติจีน ด้วยการทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือ 5 ต่อ 1[13] โดยในปลายปีเดียวกัน เกียรติศักดิ์คุมทีมชาติไทยชุดเดียวกัน ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชาย ในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27ที่กรุงเนปยีดอของเมียนมาร์ โดยในการชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยชนะอินโดนีเซีย 1 ประตูต่อ 0
ส่วนการแข่งขันฟุตบอลชาย ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 17 ประจำปี พ.ศ. 2557 ที่นครอินช็อนของเกาหลีใต้ เกียรติศักดิ์นำทีมชาติไทยชุดเดิม แข่งขันชนะ 5 นัดแรก โดยเสียเพียง 3 ประตู และเป็นอันดับที่ 4 ของการแข่งขันดังกล่าว และในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน เขาพาทีมชาติไทยชุดเดียวกัน ชนะเลิศรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ซึ่งเป็นสมัยที่ 4 ของทีมชาติไทยในรายการดังกล่าว โดยนัดชิงชนะเลิศ สามารถเอาชนะทีมชาติมาเลเซีย ด้วยประตูรวมสองนัด 4 ต่อ 3
งานอื่นๆ
- 2543 - ร่วมดำเนินโครงการ ฟุตบอลเพื่อน้อง เพื่อบริจาคอุปกรณ์กีฬา และสื่อการเรียนการสอน แก่นักเรียนในชนบท
- 2544 - เขียนหนังสือ ล้านกำลังใจให้ใครคนหนึ่ง
- 2547 - จัดแข่งขันฟุตบอลนักเรียน อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สปอนเซอร์ ซิโก้ ยูธ ทัวร์นาเมนต์ (เป็นประจำทุกปี) เพื่อค้นหานักฟุตบอลเยาวชน ที่มีความสามารถโดดเด่น ให้แก่วงการฟุตบอล
- 2549 - เขียนหนังสือ เสนาเมือง ชีวิตตีลังกา (ฉบับภาษาไทย) และ KIATISUK (ฉบับภาษาเวียดนาม)[1]
เกียรติยศ
ระดับทีมชาติไทย[แก้]
- 2536 ชนะเลิศ ซีเกมส์ครั้งที่ 17 ประเทศสิงคโปร์
- 2537 ชนะเลิศ คิงส์คัพ ครั้งที่ 25
- 2537 ชนะเลิศ อินดิเพนเดนต์คัพ ครั้งที่ 7 ประเทศอินโดนีเซีย
- 2538 ชนะเลิศ ซีเกมส์ครั้งที่ 18 ประเทศไทย
- 2539 ชนะเลิศ ไทเกอร์คัพครั้งที่ 1 ประเทศสิงคโปร์
- 2540 ชนะเลิศ ซีเกมส์ครั้งที่ 19 ประเทศอินโดนีเซีย
- 2541 อันดับที่ 4 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 ประเทศไทย
- 2542 ชนะเลิศ ซีเกมส์ครั้งที่ 20 ประเทศบรูไน
- 2543 ชนะเลิศ คิงส์คัพ ครั้งที่ 31
- 2543 ชนะเลิศ ไทเกอร์คัพครั้งที่ 3 ประเทศไทย
- 2544 รอบ 10 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย
- 2545 อันดับที่ 4 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 14 ประเทศเกาหลีใต้
- 2545 ชนะเลิศ ไทเกอร์คัพครั้งที่ 4 ประเทศสิงคโปร์/อินโดนีเซีย
ระดับสโมสรฟุตบอล
- 2532 ชนะเลิศ ถ้วย ก (ธนาคารกรุงไทย)
- 2536 ชนะเลิศ ถ้วย ข (ธนาคารกรุงไทย)
- 2541 ชนะเลิศ กีฬากองทัพไทย (ตำรวจ)
- 2542 รองชนะเลิศ มาเลเซียซูเปอร์ลีก (ปะลิส)
- 2543 รองชนะเลิศ ดิวิชั่น 1 อังกฤษ (ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์)
- 2545 ชนะเลิศ เอส.ลีก (สิงคโปร์ อาร์มฟอร์ซ)
- 2546 ชนะเลิศ วี-ลีก (ฮหว่างอัญซาลาย)
- 2546 ชนะเลิศ เวียดนามซูเปอร์คัพ (ฮหว่างอัญซาลาย)
- 2547 ชนะเลิศ วี-ลีก (ฮหว่างอัญซาลาย)
- 2547 ชนะเลิศ เวียดนามซูเปอร์คัพ (ฮหว่างอัญซาลาย)
เกียรติประวัติส่วนบุคคลอื่น ๆ
- 2530 รางวัลดาวซัลโว ฟุตบอลเขตการศึกษาแห่งประเทศไทย
- 2542 รางวัลดาวซัลโว ซีเกมส์ครั้งที่ 20 ประเทศบรูไน
- 2543 เกียรติประวัติ ผู้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมไทย “คนต้นแบบ” โดยสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ
- 2543 รางวัลนักฟุตบอลทรงคุณค่า ไทเกอร์คัพครั้งที่ 3 ประเทศไทย
- 2543 รางวัลนักกีฬายอดเยี่ยม อีเอสพีเอ็น
- 2543 รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม อีเอสพีเอ็น
- 2544 รางวัลดาราเอเชีย
- 2544 รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม คมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 1
- 2544 รางวัลนักฟุตบอลดีเด่น ซันโย
- 2546 รางวัลนักกีฬาต่างชาติยอดเยี่ยม ประเทศเวียดนาม
- 2547 รางวัลนักกีฬาต่างชาติยอดเยี่ยม ประเทศเวียดนาม
- 2548 เข็มเกียรติยศ ผู้ทำคุณประโยชน์แก่ฟุตบอลเวียดนาม จากรัฐมนตรีกีฬาประเทศเวียดนาม
- 2547-ปัจจุบัน ผู้ให้การสนับสนุนกิจการ มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
- 2550 โล่ประกาศเกียรติคุณ ชมรมเชียร์ไทย
- 2551 รางวัลสุดยอดคนต้นแบบ เมืองขอนแก่น
- 2557 รางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม สยามกีฬาอวอร์ดส์ ครั้งที่ 8 [14][15][16]
- 2557 รางวัลผู้ฝึกสอนนักกีฬาสมัครเล่นดีเด่น วันกีฬาแห่งชาติ[17]
- 2557 รางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม สยามโกลเดนอวอร์ดส์
การทำประตูในทีมชาติชุดใหญ่
*** ฟีฟ่ารับรอง 70 ประตู